15 ตุลาคม 2024
บราซิล
ศาลสูงสุดแห่งสหพันธรัฐบราซิลพิพากษายืนให้ผู้ป่วยมีสิทธิเลือกการรักษาพยาบาล
ศาลตัดสินเป็นเอกฉันท์ใน 2 คดีที่เกี่ยวข้องกับพยานพระยะโฮวา
เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2024 ศาลสูงสุดแห่งสหพันธรัฐบราซิลได้ประกาศคำตัดสินครั้งสำคัญที่ยืนยันสิทธิของผู้ป่วยที่เป็นผู้ใหญ่ ว่าเขาสามารถปฏิเสธการถ่ายเลือดและเลือกรับการรักษาทางการแพทย์โดยไม่ใช้เลือด ศาลยังมีคำสั่งให้กระทรวงสาธารณสุข คอยควบคุมดูแลให้ผู้ป่วยที่ปฏิเสธการถ่ายเลือดด้วยเหตุผลส่วนตัวหรือเหตุผลทางศาสนา ให้สามารถเข้าถึงการรักษาโดยไม่ใช้เลือด
คำตัดสินนี้เกี่ยวข้องกับคดีของพยานพระยะโฮวา 2 คนในบราซิล ในปี 2018 หลังจากที่พี่น้องมัลวินา ซิลวาปฏิเสธที่จะกรอกแบบฟอร์มยินยอมให้แพทย์ทำการถ่ายเลือดระหว่างการผ่าตัดหัวใจตามที่หมอนัด ทางโรงพยาบาลได้ยกเลิกการผ่าตัดของเธอ มัลวินาต้องใช้เวลานานเกือบ 2 ปีถึงจะได้รับการรักษาจากแพทย์ที่เคารพการตัดสินใจของเธอ
ปี 2014 พี่น้องเฮลิ เดอ ซูซาต้องเข้ารับการผ่าตัด อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลท้องถิ่นที่เขาเข้ารับการรักษาไม่มีอุปกรณ์สำหรับการผ่าตัดแบบไม่ต้องใช้เลือด เฮลิจึงทำเรื่องขอไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่นที่พร้อมและเต็มใจทำตามความเชื่อของเขา แต่รัฐบาลได้ปฏิเสธคำขอของเฮลิ ตอนนี้เฮลิยังคงรอการผ่าตัดอยู่ พยานพระยะโฮวาหลายคนในบราซิลเจอปัญหาที่คล้าย ๆ กัน รวมถึงได้รับการถ่ายเลือดโดยไม่เต็มใจ
ตอนที่ประกาศคำตัดสิน ผู้พิพากษาลูอิส โรแบร์โต บาร์โรโซ ประธานศาลสูงสุดกล่าวว่า “สิทธิในการปฏิเสธการถ่ายเลือดด้วยเหตุผลทางศาสนานั้น เป็นไปตามหลักรัฐธรรมนูญว่าด้วยศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และเสรีภาพในการนับถือศาสนา ดังนั้น ในเรื่องการมีชีวิตและสุขภาพ [พยานพระยะโฮวา] จึงมีสิทธิ์เข้ารับการรักษาทางเลือก [และ] มีสิทธิ์ปฏิเสธการรักษาทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายเลือด เนื่องจากเป็นการตัดสินใจส่วนบุคคล”
คำตัดสินครั้งล่าสุดนี้กำหนดให้ศาลทั่วประเทศบราซิลต้องเคารพในสิทธิ์การตัดสินใจของผู้ป่วยเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ซึ่งสะท้อนถึงคำตัดสินที่คล้ายกันของศาลสูงสุดในประเทศอื่น ๆ รวมถึงออสเตรเลีย แคนาดา ญี่ปุ่น แอฟริกาใต้ และสหรัฐอเมริกา คำตัดสินนี้ยังสอดคล้องกับคำตัดสินของสภาใหญ่ของศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรปเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2024 ซึ่งกำหนดให้ประเทศในยุโรป 46 ประเทศต้องเคารพสิทธิ์ในการตัดสินใจของผู้ป่วย
เรารู้สึกขอบคุณที่ศาลสูงสุดแห่งสหพันธรัฐบราซิลตัดสินให้เคารพความเชื่อส่วนบุคคลของพลเมืองทุกคนและให้เคารพสิทธิ์ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล