บทยี่สิบเอ็ด
เขาต่อสู้กับความกลัวและความสงสัย
1-3. เปโตรได้เห็นพระเยซูทำอะไรบ้างในวันนั้น และคืนนั้นเปโตรทำอะไร?
เปโตรออกแรงตีกรรเชียงเรือ ตาก็เพ่งมองไปในความมืดยามค่ำคืน. แสงเรื่อ ๆ ที่เขาเห็นตรงขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าท้องฟ้ากำลังจะสว่าง. กล้ามเนื้อหลังและไหล่ของเขาเมื่อยล้าเต็มทีเนื่องจากพายเรือมาหลายชั่วโมง. คลื่นลมที่ปั่นป่วนในทะเลแกลิลีพัดตีผมของเขา. คลื่นลูกแล้วลูกเล่าซัดกระแทกหัวเรือทำให้ละอองน้ำสาดกระเซ็นขึ้นมาจนตัวเขาเปียกโชก. แต่เขาก็ยังต้องพายเรือต่อไป.
2 ก่อนหน้านี้เปโตรกับเพื่อน ๆ เพิ่งละพระเยซูไว้บนฝั่งตามลำพัง. วันนั้นพวกเขาได้เห็นพระเยซูเลี้ยงอาหารฝูงชนหลายพันคนด้วยขนมปังไม่กี่อันกับปลาไม่กี่ตัว. คนเหล่านั้นจึงต้องการตั้งพระเยซูเป็นกษัตริย์ แต่พระองค์ไม่ต้องการมีส่วนร่วมในการเมือง. และพระองค์ไม่ต้องการให้ผู้ติดตามพระองค์มีความปรารถนาเช่นนั้นด้วย. หลังจากหลบฝูงชนออกมา พระองค์บอกสาวกให้ลงเรือไปอีกฝั่งหนึ่ง ส่วนพระองค์ก็ขึ้นไปอธิษฐานบนภูเขาตามลำพัง.—มโก. 6:35-45; อ่านโยฮัน 6:14-17
3 ตอนที่พวกสาวกออกเรือมา ดวงจันทร์ยังอยู่สูงเหนือขอบฟ้า มาถึงตอนนี้ดวงจันทร์ค่อย ๆ คล้อยต่ำลงไปทางทิศตะวันตก. แม้ว่าพวกเขาพายเรือมาทั้งคืน แต่ก็ไปได้แค่ไม่กี่กิโลเมตร. คลื่นลมที่รุนแรงส่งเสียงอื้ออึงทำให้พูดคุยกันลำบาก. ดูเหมือนเปโตรกำลังคิดอะไรเงียบ ๆ อยู่คนเดียว.
ในช่วงสองปี เปโตรได้เรียนรู้หลายสิ่งจากพระเยซู แต่ก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องเรียนรู้
4. ทำไมเปโตรเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นสำหรับเรา?
4 มีเรื่องให้คิดมากมายจริง ๆ! เขาได้ติดตามพระเยซูชาวนาซาเรทมานานกว่า 2 ปีแล้วและมีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้น. เขาได้เรียนรู้หลายสิ่ง แต่ก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้. การที่เปโตรเต็มใจต่อสู้กับแนวโน้มที่ทำให้กลัวหรือสงสัยในพระยะโฮวาและพระเยซูทำให้เขาเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นสำหรับเรา. ให้เรามาดูว่าเปโตรเป็นแบบอย่างที่ยอดเยี่ยมอย่างไร.
“พวกเราพบพระมาซีฮาแล้ว”
5, 6. ชีวิตความเป็นอยู่ของเปโตรเป็นอย่างไร?
5 เปโตรไม่มีทางลืมวันที่ได้พบพระเยซู. อันเดรอัสน้องชายของเขาเป็นคนมาบอกข่าวอันน่าตื่นเต้นว่า “พวกเราพบพระมาซีฮาแล้ว.” คำพูดนี้ทำให้ชีวิตของเปโตรเปลี่ยนไป. ชีวิตของเขาจะไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมอีก.—โย. 1:41
6 เปโตรอาศัยอยู่ในเมืองคาเปอร์นาอุมซึ่งอยู่ด้านเหนือริมฝั่งทะเลสาบน้ำจืดที่เรียกว่าทะเลแกลิลี. เขากับอันเดรอัสทำธุรกิจประมงร่วมกับยาโกโบและโยฮันบุตรเซเบเดอุส. ในบ้านของเปโตรไม่ได้มีเพียงตัวเขากับภรรยาเท่านั้น ยังมีแม่ยายกับอันเดรอัสน้องชายด้วย. ไม่ต้องสงสัยว่า หากเปโตรจะทำอาชีพจับปลาเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว เขาคงต้องทำงานหนัก ใช้แรงมาก และยังต้องเป็นคนรู้จักแก้ปัญหาด้วย. เราคงนึกภาพออกว่ามีหลายคืนที่เขาต้องทำงานหนักในการออกหาปลา. พวกผู้ชายจะหย่อนอวนลงระหว่างเรือ 2 ลำและช่วยกันดึงอวนขึ้นมาไม่ว่าจะได้ปลาอะไร. ส่วนตอนกลางวันก็มีงานหลายอย่างที่พวกเขาต้องทำ ไม่ว่าจะเป็นการคัดปลา เอาไปขาย รวมทั้งซ่อมแซมและทำความสะอาดอวน.
7. เปโตรรู้อะไรเกี่ยวกับพระเยซู และทำไมนั่นจึงเป็นข่าวที่น่าตื่นเต้น?
7 คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าอันเดรอัสเป็นสาวกของโยฮันผู้ให้บัพติสมา. เปโตรคงฟังน้องชายเล่าเรื่องข่าวสารของโยฮันอย่างสนอกสนใจ. วันหนึ่ง อันเดรอัสเห็นโยฮันชี้ไปที่พระเยซูชาวนาซาเรทและบอกว่า “ดูสิ พระเมษโปดกของพระเจ้า!” อันเดรอัสเข้ามาเป็นสาวกของพระเยซูทันที และรีบไปบอกข่าวที่น่าตื่นเต้นแก่เปโตรว่า พระมาซีฮาเสด็จมาแล้ว! (โย. 1:35-41) ประมาณ 4,000 ปีก่อนหน้านี้หลังจากการกบฏในสวนเอเดน พระยะโฮวาพระเจ้าได้สัญญาว่า จะมีบุคคลสำคัญผู้หนึ่งมาปรากฏและผู้นั้นจะเป็นความหวังแท้แก่มนุษยชาติ. (เย. 3:15) อันเดรอัสได้พบผู้ช่วยให้รอดองค์นี้แล้วซึ่งก็คือพระมาซีฮานั่นเอง! เปโตรจึงรีบออกไปหาพระเยซูด้วย.
8. ชื่อใหม่ที่พระเยซูตั้งให้เปโตรมีความหมายอย่างไร และทำไมบางคนรู้สึกว่าเปโตรไม่คู่ควรกับชื่อนี้?
8 ก่อนหน้านี้ เปโตรเป็นที่รู้จักในชื่อซีโมน. แต่พระเยซูมองเขาและตรัสว่า “‘เจ้าคือซีโมนบุตรโยฮัน เจ้าจะได้ชื่อว่าเกฟา’ (ซึ่งแปลเป็นภาษากรีกว่าเปโตร).” (โย. 1:42) “เกฟา” เป็นคำนามแปลว่า “ก้อนหิน” หรือ “ศิลา.” ดูเหมือนว่าพระเยซูกำลังตรัสในเชิงพยากรณ์. พระองค์รู้ล่วงหน้าว่าเปโตรจะเป็นเหมือนศิลาคือ แข็งแกร่ง หนักแน่นมั่นคง และเป็นพลังชักจูงที่วางใจได้ในหมู่สาวกของพระคริสต์. เปโตรคิดว่าตนเป็นเช่นนั้นไหม? ดูเหมือนจะไม่. บางคนในปัจจุบันที่ได้อ่านเรื่องราวในหนังสือกิตติคุณก็รู้สึกว่าเปโตรไม่คู่ควรกับชื่อนี้. บางคนบอกว่าเปโตรไม่ค่อยมั่นคง ไม่หนักแน่น และเอาแน่เอานอนไม่ได้.
9. พระยะโฮวาและพระเยซูมองหาอะไรในตัวเรา และทำไมเราต้องเชื่อมั่นในมุมมองของพระองค์ทั้งสอง?
9 จริงอยู่ เปโตรมีข้อบกพร่อง และพระเยซูก็ทราบเรื่องนั้นดี. แต่พระเยซูมองหาส่วนดีในตัวผู้คนเสมอเช่นเดียวกับพระยะโฮวาพระบิดาของพระองค์. พระเยซูเห็นศักยภาพมากมายในตัวเปโตร และพระองค์พยายามช่วยเขาให้พัฒนาคุณลักษณะเหล่านั้น. ในทุกวันนี้พระยะโฮวาและพระบุตรก็ทรงมองหาส่วนดีในตัวพวกเราเช่นกัน. เราอาจคิดว่าตัวเองไม่มีข้อดีอะไร. แต่เราต้องเชื่อมั่นในมุมมองของพระองค์ทั้งสองและพิสูจน์ว่าเราเต็มใจให้พระองค์ฝึกสอนและนวดปั้นเราเช่นเดียวกับเปโตร.—อ่าน 1 โยฮัน 3:19, 20
“อย่ากลัวเลย”
10. เปโตรคงเห็นพระเยซูทำอะไรบ้าง ถึงกระนั้น เขายังกลับไปทำอะไร?
10 หลังจากนั้น ดูเหมือนเปโตรติดตามพระเยซูไปในงานเผยแพร่อยู่ช่วงหนึ่ง. เขาคงได้เห็นพระเยซูทำการอัศจรรย์ครั้งแรกที่เปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่นในงานสมรสที่เมืองคานา. ที่สำคัญเขาได้ยินพระเยซูประกาศข่าวสาร
ที่ยอดเยี่ยมอันเปี่ยมด้วยความหวังเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า. ถึงกระนั้น เขาเลิกติดตามพระองค์แล้วกลับไปทำธุรกิจประมง. แต่จากนั้นไม่กี่เดือนเปโตรได้พบพระเยซูอีก คราวนี้พระเยซูเชิญเปโตรให้มาติดตามพระองค์เรื่อยไป.11, 12. (ก) เปโตรกลับมาด้วยความรู้สึกเช่นไรหลังจากออกหาปลาทั้งคืน? (ข) การฟังพระเยซูอาจทำให้เปโตรคิดถึงอะไร?
11 เปโตรกลับมาด้วยความท้อใจหลังจากออกหาปลาทั้งคืน. เขากับเพื่อนพยายามหย่อนอวนลงในทะเลครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ไม่มีอะไรติดอวนขึ้นมา. แน่นอน เปโตรคงใช้ทักษะและประสบการณ์ทั้งหมดเพื่อแก้ปัญหา เขาอาจพยายามหย่อนอวนลงหลาย ๆ ที่เพื่อดูว่าปลาอยู่บริเวณไหน. เช่นเดียวกับชาวประมงจำนวนมาก คงมีหลายครั้งที่เปโตรนึกอยากให้ตนสามารถมองเห็นฝูงปลาที่อยู่ใต้น้ำ หรือมีอำนาจเรียกปลาเหล่านั้นเข้ามาในอวน. การคิดเช่นนั้นมีแต่จะทำให้ข้องขัดใจมากขึ้น. เปโตรไม่ได้จับปลาเพื่อความสนุก แต่เพื่อหาเลี้ยงปากท้องของคนอีกหลายคน. ในที่สุด เขาก็กลับเข้าฝั่งมือเปล่า แถมยังต้องทำความสะอาดอวนด้วย. เขาจึงกำลังยุ่งมากตอนที่พระเยซูมา.
เปโตรไม่เคยเบื่อที่จะฟังพระเยซูอธิบายเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการสอนของพระองค์
12 ฝูงชนมาห้อมล้อมพระเยซู กระตือรือร้นที่จะฟังคำสอนของพระองค์. เนื่องจากฝูงชนเบียดเสียดกัน พระเยซูจึงลงเรือของเปโตรและขอให้เขาเอาเรือออกจากฝั่งไปเล็กน้อย. เสียงของพระเยซูที่สะท้อนจากผิวน้ำทำให้ฝูงชนได้ยินเรื่องที่พระองค์สอนอย่างชัดเจน. เปโตรตั้งใจฟังเช่นเดียวกับฝูงชนที่อยู่บนฝั่ง. เขาไม่เคยเบื่อที่จะฟังพระเยซูอธิบายเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการสอนของพระองค์. เปโตรอาจคิดในใจว่าคงเป็นสิทธิพิเศษอันใหญ่หลวงถ้าได้ช่วยพระคริสต์เผยแพร่ข่าวสารแห่งความหวังนี้ไปทั่วดินแดนนั้น. แต่เขาจะทำได้หรือ? ไหนจะต้องหาเลี้ยงครอบครัวอีก? เปโตรอาจคิดถึงคืนอันยาวนานที่เพิ่งผ่านมาซึ่งเขาหาปลาไม่ได้เลย.—ลูกา 5:1-3
13, 14. พระเยซูทำการอัศจรรย์อะไรเพื่อเปโตร และเปโตรมีท่าทีอย่างไร?
13 เมื่อพระเยซูสอนเสร็จ พระองค์บอกเปโตรว่า “จงออกไปที่น้ำลึกแล้วลูกา 5:4, 5
หย่อนอวนของพวกเจ้าลงจับปลา.” เปโตรคงจะแปลกใจ. เขากล่าวว่า “อาจารย์ พวกข้าพเจ้าเหนื่อยมาทั้งคืนและไม่ได้ปลาเลย แต่ข้าพเจ้าจะหย่อนอวนลงตามที่พระองค์สั่ง.” เปโตรเพิ่งทำความสะอาดอวนเสร็จ. ตอนนี้สิ่งที่เปโตรคงไม่อยากทำมากที่สุดคือการหย่อนอวนลงในน้ำ โดยเฉพาะนี่ไม่ใช่เวลาที่ปลาจะออกมาหากิน. แต่เขาก็ทำตามและคงส่งสัญญาณให้เพื่อนที่อยู่ในเรืออีกลำตามไปด้วย.—14 เปโตรรู้สึกได้ว่าอวนหนักมากตอนที่เขาเริ่มลากขึ้นมา. เขาไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะหนักขนาดนี้ เขาออกแรงดึงมากขึ้น และไม่ช้าก็เห็นปลาจำนวนมากดิ้นอยู่ในตาข่าย! เขารีบส่งสัญญาณให้เรืออีกลำมาช่วย. เมื่อพวกเขาลูกา 5:6-9
มาถึง ไม่ช้าก็เห็นว่าเรือลำเดียวไม่พอ. พวกเขาได้ปลาเต็มสองลำเรือ และยังมีปลามากเกินไปจนเรือแทบจะจม. เปโตรรู้สึกอัศจรรย์ใจยิ่งนัก. ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นพระเยซูแสดงฤทธิ์อำนาจมาแล้ว แต่ครั้งนี้พระองค์ทำเพื่อเขาโดยเฉพาะ! บุรุษผู้นี้สามารถทำได้กระทั่งสั่งปลาให้เข้ามาในอวน! เปโตรเริ่มรู้สึกกลัว. เขาทรุดตัวลงและกล่าวว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงอยู่ห่างจากข้าพเจ้าเถิดเพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป.” คนอย่างเขาจะคบหาใกล้ชิดกับผู้ที่ได้รับอำนาจจากพระเจ้าให้ทำสิ่งเหล่านี้ได้หรือ?—อ่าน15. พระเยซูบอกเปโตรอย่างไรว่าเขาไม่มีเหตุผลที่จะสงสัยหรือหวั่นกลัว?
15 พระเยซูตรัสอย่างกรุณาว่า “อย่ากลัวเลย. ตั้งแต่นี้ไปเจ้าจะจับคน.” (ลูกา 5:10) ไม่มีเหตุผลที่เปโตรจะสงสัยหรือกังวลกับเรื่องในชีวิตประจำวัน เช่น การจับปลา และไม่มีเหตุผลที่เขาจะกลัวเพราะคิดว่าตนมีข้อบกพร่องหรือมีความสามารถไม่พอ. นี่ไม่ใช่เวลาที่จะสงสัยหรือหวั่นกลัว. พระเยซูมีงานสำคัญที่ต้องทำคืองานประกาศสั่งสอน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออนาคตของมวลมนุษย์. นอกจากนั้น พระองค์รับใช้พระเจ้าที่ให้ “อภัยอย่างล้นเหลือ.” (ยซา. 55:7, ฉบับ 1971 ) พระยะโฮวาจะดูแลให้เปโตรกับครอบครัวมีสิ่งจำเป็นด้านร่างกายและช่วยเขาให้มีความสามารถในการทำงานเผยแพร่.—มัด. 6:33
16. เปโตร ยาโกโบและโยฮันตอบรับคำเชิญของพระเยซูอย่างไร และทำไมนี่เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด?
16 เปโตรตอบรับทันทีเช่นเดียวกับยาโกโบและโยฮัน. “พวกเขาจึงนำเรือกลับเข้าฝั่งแล้วละทุกสิ่งและติดตามพระองค์.” (ลูกา 5:11) เปโตรแสดงความเชื่อในพระเยซูและผู้ที่ส่งพระองค์มา. นี่เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดที่เขาจะทำได้. คริสเตียนในทุกวันนี้ที่เอาชนะความสงสัยและความกลัวเพื่อทำงานรับใช้พระเจ้าก็ได้แสดงความเชื่อเช่นเดียวกับเปโตร. ผู้ที่วางใจในพระยะโฮวาจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน.—เพลง. 22:4, 5
“เจ้าสงสัยทำไม?”
17. ประมาณ 2 ปีหลังจากได้พบพระเยซู เปโตรอาจคิดถึงเรื่องใดบ้าง?
17 ประมาณ 2 ปีหลังจากได้พบพระเยซู คืนหนึ่งเปโตรพายเรือฝ่าคลื่นลมแรงในทะเลแกลิลีดังที่ได้กล่าวในตอนต้น. เราไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่. มีหลายเรื่องที่เขาอาจคิดถึง. ก่อนหน้านี้ พระเยซูรักษาแม่ยายของเขา.
พระองค์กล่าวคำเทศน์บนภูเขา. พระองค์สอนหลายสิ่งและทำการอัศจรรย์หลายต่อหลายครั้งซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าพระองค์เป็นพระมาซีฮาผู้ที่พระยะโฮวาทรงเลือกสรร. ไม่ต้องสงสัย หลังจากผ่านไปหลายเดือน ข้อบกพร่องต่าง ๆ ของเปโตรคงลดน้อยลง เช่น แนวโน้มที่จะเกิดความกลัวและความสงสัย. พระเยซูถึงกับเลือกเปโตรเป็นหนึ่งในอัครสาวก 12 คน! กระนั้น เปโตรก็ยังไม่สามารถเอาชนะความกลัวและความสงสัยได้อย่างสิ้นเชิง ดังที่เขาจะได้เรียนรู้ต่อจากนี้.18, 19. (ก) จงพรรณนาว่าเปโตรเห็นอะไรในทะเลแกลิลี. (ข) พระเยซูทำตามคำขออะไรของเปโตร?
18 ในยามสี่ของคืนนั้น (หรือราว ๆ ตี 3 ถึงช่วงดวงอาทิตย์ขึ้น) จู่ ๆ เปโตรก็หยุดพายเรือและนั่งตัวตรง. มีบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในคลื่น! เป็นละอองคลื่นที่สะท้อนแสงจันทร์ไหม? ไม่ สิ่งนั้นนิ่งเกินไปและตั้งตรง. นั่นคนนี่! ใช่แล้ว คนจริง ๆ และกำลังเดินอยู่บนผิวน้ำ! คนนั้นกำลังเดินเข้ามาหาพวกเขา. พวกสาวกตกใจกลัวมากและคิดว่าตาฝาด. ผู้นั้นพูดว่า “อย่ากลัว เราเอง อย่ากลัวเลย.” คนนั้นคือพระเยซู!—มัด. 14:25-28
19 เปโตรตอบว่า “พระองค์เจ้าข้า ถ้าเป็นพระองค์ โปรดสั่งข้าพเจ้าให้เดินบนน้ำไปหาพระองค์.” ทีแรกเปโตรมีความกล้า. เนื่องจากรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เห็นการอัศจรรย์ที่ไม่มีใดเหมือนนี้ เปโตรจึงอยากได้หลักฐานมากขึ้นเพื่อยืนยันสิ่งที่ตนเชื่อ. เขาต้องการมีส่วนร่วมในเหตุการณ์นั้น. พระเยซูเรียกเขาด้วยความกรุณา. เปโตรจึงออกจากเรือไปเหยียบบนผิวน้ำที่เป็นคลื่น. คิดดูสิ เปโตรจะรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นว่าตนไม่จมและกำลังยืนอยู่บนผิวน้ำ. เขาคงรู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างยิ่งขณะที่เดินไปหาพระเยซู. แต่ไม่ช้าเขาก็เกิดความรู้สึกอีกอย่างหนึ่ง.—อ่านมัดธาย 14:29
20. (ก) ทำไมเปโตรเริ่มวอกแวก และนั่นก่อผลเช่นไร? (ข) พระองค์สอนบทเรียนสำคัญอะไรแก่เปโตร?
20 เปโตรต้องเพ่งมองไปที่พระเยซู. พระเยซูคือผู้ที่ทำให้เปโตรเดินบนน้ำได้โดยใช้อำนาจจากพระยะโฮวา. พระเยซูทำเช่นนั้นเพราะเห็นว่าเปโตรมีความเชื่อในพระองค์. แต่เปโตรกลับวอกแวก. เราอ่านว่า “เมื่อเห็นพายุเขาก็กลัว.” เปโตรกลัวมากเมื่อเห็นคลื่นซัดกระแทกเรือและแตกกระเซ็นเป็นฟองมัด. 14:30, 31
กระจายไปกับลม. เขาอาจนึกภาพว่า ตัวเองกำลังจะจมน้ำตายในทะเลสาบนั้น. ยิ่งเขากลัว ความเชื่อของเขาก็ยิ่งลดน้อยลง. ชายที่ได้ชื่อว่าศิลาเพราะมีศักยภาพที่จะยืนหยัดมั่นคงเริ่มจมลงเหมือนหินก้อนหนึ่งเนื่องจากความเชื่อสั่นคลอน. เปโตรเป็นคนว่ายน้ำเก่ง แต่เขากลับไม่ว่าย. เขาร้องว่า “พระองค์เจ้าข้า โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วย!” พระเยซูจึงจับมือและดึงเขาขึ้นมา. ขณะที่ยังอยู่บนผิวน้ำนั้น พระองค์ได้สอนบทเรียนสำคัญแก่เปโตร. พระองค์ตรัสว่า “เจ้าผู้มีความเชื่อน้อย เจ้าสงสัยทำไม?”—21. ทำไมความสงสัยจึงอันตราย และเราจะสู้กับแนวโน้มนี้ได้อย่างไร?
21 ความสงสัยอาจเป็นพลังที่ก่อความเสียหายได้อย่างมากมาย. ถ้าเราเริ่มสงสัย ความเชื่อของเราจะถูกกัดกร่อนและหมดไปในที่สุด. เราต้องสู้กับความสงสัยอย่างสุดกำลัง! จะทำอย่างไรล่ะ? โดยเพ่งมองให้ถูกที่. ถ้าเราเพ่งมองที่พระยะโฮวาและพระบุตรของพระองค์ มองสิ่งที่พระองค์ทั้งสองได้ทำ กำลังทำ และจะทำเพื่อผู้ที่รักพระองค์ ความสงสัยจะไม่อาจทำลายความเชื่อของเราได้. อย่างไรก็ตาม ถ้าเราคิดถึงแต่สิ่งที่ทำให้เรากลัว ท้อแท้ หรือเขวไปจากพระยะโฮวาและพระบุตรของพระองค์ เราก็จะรู้สึกสงสัยมากขึ้น.
22. ทำไมความเชื่อของเปโตรควรค่าแก่การเลียนแบบ?
22 เมื่อเปโตรตามพระเยซูขึ้นมาบนเรือ เขาก็เห็นว่าพายุสงบแล้ว. ทะเลแกลิลีสงบเงียบ. เปโตรกับสาวกคนอื่น ๆ พูดออกมาว่า “พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้าจริง ๆ.” (มัด. 14:33) เมื่อแสงอาทิตย์ยามเช้าส่องไปทั่วทะเลสาบ หัวใจของเปโตรคงเปี่ยมด้วยความสำนึกบุญคุณ. เขาได้เรียนรู้ที่จะเอาชนะความกลัวและความสงสัย. จริงอยู่ เขายังต้องปรับเปลี่ยนแก้ไขอีกหลายอย่างกว่าจะเป็นคริสเตียนที่หนักแน่นมั่นคงดุจศิลาดังที่พระเยซูพยากรณ์ไว้. แต่เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะพยายามและก้าวหน้าต่อไป. คุณตั้งใจเช่นนั้นด้วยไหม? คุณจะพบว่าความเชื่อของเปโตรควรค่าแก่การเลียนแบบอย่างแน่นอน.